วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

หัวข้อ : ความรัก ความอดทน การรอคอย [Love]

จากเว็บไซต์ http://hot.ohozaa.com/

“ความรักและความอดทน”

"ความรัก” ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด แต่สิ่งที่มนุษย์มีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัว ก็คือ “ความอดทน”

ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้อง “อดทน” กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน


แต่….

เมื่อใดที่สิ้นรักเมื่อนั้น “ความอดทน” ก็หามีไม่

สิ่งใดที่เคยทนได้ก็กลับแปรเปลี่ยนไป

สิ่งใดที่เคยเห็นดี เห็นชอบ กลับกลายเป็นขวางหูขวางตา

ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

ท้ายที่สุดเราเป็นฝ่ายทอดทิ้งให้ความรักนั้นต้องจบลง

บางครั้งความรักนั้นอาจจบลงทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ

เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนกระทั่ง “ความอดทน” บอกให้เราต้องไป…ไปทั้งที่ยัง “รัก”

เพราะหากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะหมายถึง

“การจากไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ในวันข้างหน้า”

อย่างนั้นมิใช่หรือ ?


“รักและน้ำตา”"หากรักแล้วต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต

ก็ขอเลือกที่จะร้องไห้สองสามวันแล้วยิ้มไปตลอดชีวิตที่ดีกว่า”

สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วล่ะนะ

ว่าจะร้องไห้ไปตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต

ชีวิตเรา ๆ สามารถเลือกเองได้จริงมั้ย?



“คนร่วมทาง”

คนเราคบหาร่วมทางกัน มีค่าตรงที่รู้จักกัน

คนเรารู้จักคุ้นเคยกัน มีค่าตรงที่รู้ใจกัน

คนเรารู้ใจกันแล้วจากกัน มีค่าตรงที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของกัน

“ถึงรักอย่างไรก็อย่าให้ตาบอด เมื่อวันหนึ่งความอดทนบอกเราว่าถึงเวลาแล้ว ก็ควรจะรับฟังไว้บ้างแล้วกัน เราเป็นผู้กำหนดชีวิตของเรา”

**บางครั้งคนเราก็รู้นะว่าควรต้องทำยังไง แต่ถามว่เมื่อเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆแล้ว

จะทำได้หรือไม่เท่านั้นเอง ความรักและน้ำตา มันมาคู่กันเสมอ **

การรอคอย

เป็นเรื่องที่ทรมาน

โดยเฉพาะ...การรอคอยที่ จะกลับมาพบกัน

หรือรอคอยใครสักคน ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

ยิ่งรอ...ยิ่งเหมือนเข็มนาฬิกา เดินช้าเท่าตัว

จากเวลาที่นานอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนยิ่งนานกว่าเดิม

และการดำเนินชีวิต ระหว่างการรอคอยนั้น

ก็มีตัวแปรมากมาย ที่จะทำให้คนเปลี่ยนไปอยู่ทุกขณะ

เพราะทุกคนมีพื้นฐานความเหงา และโดดเดี่ยวอยู่ในตัวเอง

...พอๆ กับความอ่อนไหว

แต่ก็เป็นโอกาสดี . . . ที่จะให้ระยะทาง เป็นเครื่องวัดความรู้สึก

พิสูจน์ความแข็มแรง...ของความรัก

โดยวัดจากการกระทำ ความเสมอต้นเสมอปลาย

และความอดทนด้วยเงื่อนไข ของความลำบากแห่งกาลเวลา

และตัดสินว่า...การรอคอยจะคุ้มค่าหรือไม่ กับการอยู่ห่างกัน



ต่างคนต่างก็ต้องทำใจให้เข้มแข็ง กับอารมณ์ต่างๆ ที่คอยรบกวน

และคอยชักจูง ออกนอกลู่นอกทาง

เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่วันหนึ่ง เราพบว่า...



คนคนหนึ่ง คือ...คนที่ชีวิตเราตามหามาตลอด

ใครสักคน...ที่เป็นได้อย่างที่เราฝัน มันไม่ใช่เรื่องง่าย

และคนที่จะฝ่าฝัน กับการบีบคั้นแห่ง การรอคอย...

...กลับมาหาเราได้ ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

เพราะฉะนั้น ย่อมหมายถึง . . .



ความรู้สึกที่เขามีอยู่... ก็คงไม่ได้ธรรมดา

ที่สามารถรอคอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ...

และเมื่อถึงเวลานั้น... สิ่งที่รอคอย ย่อมเกิดค่ามหาศาล



ชีวิต... จึงจำเป็น ต้องรอคอยใครสักคนให้ได้

หากว่าเป็นใครสักคน... ที่มีค่าแก่การรอคอย

... แต่หากรอคอยแล้ว มีแต่ทำให้คุณเจ็บ และเจ็บ

ก็สู้อย่ารอ... จะดีกว่า...

การที่เรารักใครสักคน . . .ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลว่า ทำไมเราจึงรักเขา

แต่ให้รู้ว่า...ทุกวันนี้เรารัก และต้องรักให้ดีที่สุดก็พอ



การที่เรารักใครสักคน... ไม่ต้องสนว่ามีอุปสรรคมากมายเท่าใด

แต่ควรจะนึกขอบคุณโชคชะตา ที่สร้างให้มีอุปสรรค...

เพื่อให้เราได้ร่วมฟันฝ่าไปด้วยกัน

การที่เรารักใครสักคน…ไม่ต้องเสียเวลาคิด ว่าเค้าทำอะไรเพื่อเราบ้าง

แต่ควรถามตัวเองว่า... วันนี้เราทำอะไรเพื่อคนที่เรารักหรือยัง



การที่เรารักใครสักคน…ไม่ต้องไประแวงว่าเค้าจะมีคนอื่นนอกเหนือจากเรา

แต่ควรระวังใจของเราเอง... ที่จะไปรับคนอื่น เข้ามาแทนที่เค้า

การที่เรารักใครสักคน…คำว่า “แพ้” หรือ “ชนะ” ไม่สำคัญ

สิ่งที่สำคัญคือ เราจะประคองความรัก ไปด้วยกันได้อย่างไร



การที่เรารักใครสักคน…ไม่ใช่การสัมผัสเพียงกาย

แต่เป็นหัวใจของเราต่างหาก ที่แนบชิดกัน

การที่เรารักใครสักคน…ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งของนอกกายใดๆ

เพราะความรักไม่สามารถซื้อ หรือแลกมาได้ด้วยทรัพย์สินเงินทอง



การที่เรารักใครสักคน…ไม่ต้องคอยนับว่า เค้ามีข้อเสียมากมายแค่ไหน

เพราะความรักจะช่วยทำให้เรารู้จักอภัย...และมองข้ามข้อบกพร่องนั้นไปได้

การที่เรารักใครสักคน…อาจทำให้เราตาบอด

จนมองไม่เห็นความจริงบางอย่าง

แต่ก็ทำให้เราได้เข้าใจว่า...

ความสุขจากการได้รักใครสักคนนั้น... ยิ่งใหญ่แค่ไหน


เพราะ “ความรัก” เป็นบทเรียนดีๆ

ที่ไม่อาจเข้าใจได้ถ่องแท้ . . . ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง

ไม่มีความคิดเห็น: