หนึ่งคำถาม อาจจะมีหลายคำตอบ ดังนั้นอย่าด่วนตัดสินใจ ก่อนที่คิดหาคำตอบให้รอบด้านเสียก่อน
วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ตำรับยารักษามะเร็งของนายแพทย์นพรัตน์ บุณยเลิศ
สำหรับรักษามะเร็งตับ (WCL)
ส่วนประกอบ คือ ขมิ้นชัน
วิธีเตรียม
นำหัวขมิ้นชันมาซอยเป็นแว่นๆ
หมักกับ diethylether (สกัดเอาตัวยาออกมา) ประมาณ 7 วัน (เปิดฝาไว้)
เมื่อ diethylether ระเหยออกไปหมดแล้ว เติม ammonium carbonate ลงไป ทิ้งไว้ 3 วัน
เมื่อ ammonium carbonate ระเหยหมด นำกากมาเติมน้ำเดือด
ทำให้เย็น เจือจางด้วยน้ำ รับประทานได้
วิธีใช้ : ใช้ร่วมกับ ACL
มะเร็งในต่อมน้ำเหลือง (RJ)
ส่วนประกอบสำคัญ :
Royal Jelly ประมาณ 1 กก.
กระชายดำ 7 ช้อนชา (นำหัวมาตากแห้งและบดเป็นผง)
น้ำ 250 ml นำมาละลายกับกระชายดำ
วิธีใช้ : ครั้งละ 1 ช้อนชา ก่อนนอนและตื่นนอน
ถ้ารับประทานยากให้ดื่มน้ำส้ม เพราะ royal jelly จะบาดคอ
ยาป้องกันมะเร็งและไม่ให้มะเร็งลุกลาม (CM)
ส่วนประกอบสำคัญ : ผิวส้มโอ Citrus maxima (ใช้แทนว่านหางช้าง (belugenda) เพราะหายาก
วิธีเตรียม : นำเปลือกส้มโอมาเฉือนผิวเขียวๆ โดยไม่ให้ติดส่วนที่เป็นสีขาวหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วตากให้แห้ง
นำมาบดเป็นผง
วิธีใช้ : ครั้งละ 1 ช้อนชา หลังอาหาร อาจผสมน้ำหรือน้ำผึ้ง
ยารักษาอาการตับโต (ให้เข้าที่) ( ACL)
ส่วนประกอบสำคัญ :
ใบบัวบก สด 30 gหรือ แห้ง 60 g
พระจันทร์ครึ่งซีกแห้ง 15 g
น้ำตาลกรวดจำนวนพอหวาน
วิธีเตรียม : นำส่วนประกอบมาต้มรวมกัน ให้มีรสออกหวานเพื่อช่วยการทำงานของตับ
วิธีใช้ : ใช้ร่วมกับ WCL (ขมิ้นชัน) ทานวันละครึ่งกระปุก เวลาท้องว่าง เช้า-บ่าย (10.00 และ 15.00)
ข้อห้าม : ผู้ที่เป็นตับโต
- ห้ามไม่ให้ขึ้นบันได เพราะจะได้ผลจากแรงดึงดูดโลก
- ห้ามไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน
-ห้ามขึ้นลิฟท์
การรับประทาน ACL ร่วมกับ WCL สำหรับมะเร็งตับ จะหายในเวลา 5-6 เดือน ไวรัสตับอักเสบ B 2 เดือน
ยาล้างพิษจากการฉายแสงและฉีดสารเคมี ( CYP)
ส่วนประกอบสำคัญ :
อ้อยแดงสด 300 g
หัวแห้วหมูแห้ง 500 g
วิธีเตรียม : นำส่วนประกอบทั้งสองมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ
เติมน้ำพอท่วม ต้มให้เดือดประมาณไม่เกิน 1/2 ชม.
วิธีใช้ : รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังอาหาร 3 เวลา
ยาเพิ่มภูมิต้านทาน (CAR) ส่วนประกอบที่สำคัญ :
ดอกคำฝอยแห้ง 500 g
แครอทสด จำนวนมาก
ใบบัวบกสดหรือแห้ง 15 g
วิธีเตรียม : นำส่วนประกอบมาต้มกับน้ำให้เดือดประมาณ 1/2 ชั่วโมง
วิธีใช้ : ให้กับผู้ป่วยทุกคนร่วมกับยาตัวอื่นๆ
ยารักษามะเร็งปอด (CALG)
ส่วนประกอบสำคัญ :
ทองพันชั่งทั้งต้นแห้ง 60 g
ข้าวเย็นเหนือ 30 g
ข้าวเย็นใต้ 30 g
ตังกุยจี้ (เมล็ดดำเล็กๆ) 30 g
รากชะเอม 10 g
พูคาวทั้งต้นแห้ง 60 g
กะเม็งตัวเมียทั้งต้นแห้ง 60g (ดอกสีขาวเล็กๆ)
วิธีเตรียม : นำส่วนประกอบมาสับรวมกัน ต้มกับน้ำพอท่วม
วิธีใช้ : ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหาร 3 เวลา
ยารักษามะเร็งเต้านม (BEL)
ส่วนประกอบสำคัญ : ว่านหางช้าง 500 g
(หัวใต้ดิน Belaqunda chinesis พบในปัตตานี นราธิวาส ต้นมีลักษณะคล้ายกะเม็งตัวผู้)
วิธีเตรียม : นำมาสับ ต้มกับน้ำพอท่วมให้เดือดประมาณ ฝ ชั่วโมง
วิธีใช้ : ครั้งละ 3 ช้อนโต๊ะ หลังอาหาร 3 เวลา
ยารักษาโรคเบาหวาน (SCO)
ผู้ป่วยมะเร็งที่เป็นเบาหวาน จะไม่ให้ยา ACL เพราะมีส่วนผสมของน้ำตาลกรวด แต่จะให้ SCO แทน
ส่วนประกอบสำคัญ :
ผักบุ้งแดงสด 15 g
ตะไคร้หอมสด 50 g
ดอกมะม่วงสด 15 g
ฝักคูณทั้งฝัก 60 g
กรดน้ำทั้งต้นสด 30 g
ใบอินทนิลน้ำสด 60 g
วิธีเตรียม : นำส่วนประกอบทุกอย่างมาต้มรวมกัน
วิธี ใช้ : ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังอาหาร 3 เวลา ให้ร่วมกับ CAR เพื่อเพิ่มพูนต้านทาน สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่เป็นเบาหวาน จะให้ SCO ร่วมกับยารักษามะเร็งนั้นๆ
ยารักษามะเร็งกล่องเสียง (HV) ส่วนประกอบสำคัญ : น้ำนมราชสีห์ ทั้งต้นสด
วิธีเตรียม : เติมน้ำพอท่วมต้น
วิธีใช้ ให้ร่วมกับ RJ และ CAR
ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ อัมพฤกต์-อัมพาต ปวดข้อ (AP) เป็นสูตรของเพื่อนนายแพทย์นพรัตน์ แล้วนำมาเติมฟ้าทะลายโจร
ยารักษามะเร็งในเม็ดเลือด (BVHJ)
ส่วนประกอบสำคัญ :
พังพวยดอกขาวทั้งต้น 50 g
กระชายแดงทั้งต้น 50 g
หญ้างวงช้างทั้งต้น 50 g
สบู่แดงทั้งต้น 50 g
วิธีเตรียม : นำทุกอย่างมาบดรวมกันให้เป็นผง
วิธีใช้ : ครั้งละ 2 ช้อนชาหลังอาหาร 3 เวลา
ยาบำรุงหัวใจ (PADMA 28)
นำ เข้ามาจากต่างประเทศ (สวิสเซอร์แลนด์ และ อเมริกา) ลักษณะเป็นยาเม็ด ส่วนประกอบเป็นสมุนไพรของทิเบต ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น ใช้ส่วนของใบ
ยารักษามะเร็งกระดูก (BOE) ส่วนประกอบสำคัญ : กระชายแดง
วิธีเตรียม : บดเป็นผง
วิธีใช้ : ครั้งละ 2 ช้อนชา ก่อนอาหาร 3 เวลา
ยาสร้างเม็ดเลือด
ส่วนประกอบสำคัญ : กรดน้ำ
ยารักษามะเร็งคอ ปาก ระบบทางเดินหายใจ
ส่วนประกอบสำคัญ :
สบู่แดง 80 g
พูคาว 20 g
หญ้างวงช้าง 20 g
วิธีเตรียม : บดรวมกันเป็นผง ครั้งละ 2 ช้อนชา หลังอาหาร 3 เวลา
ยาสำหรับเสริม (A109)
ใช้เสริมทุกเวลา
ส่วนประกอบสำคัญ :
หญ้าดอกขาวทั้งต้น (หมอน้อย) 250 g
ทองพันชั่งทั้งต้น 100 g
สบู่แดงทั้งต้น 80 g
สะบ้ามอญ ใช้เนื้อในเมล็ด 40 g
แก่นแกแล 20 g
กะเม็งตัวเมีย 240 g
ลูกเดือย 120 g
พันงู 90 g
หนุมานประสานกาย 74 g
ใบมะละกอ ใช้ใบทั้ง 3 และ 4 72 g
(ใบที่ 4 จะดีที่สุด)
พูคาว (ผักคะตอง) 40 g
พังพวยฝรั่ง ดอกขาวทั้งต้น 120 g
พระจันทร์ครึ่งซีก 90 g
ว่านหางช้าง 50 g
โทงเทง 90 g
ลูกใต้ใบ 120 g
หญ้างวงช้าง 50 g
เทียนบ้าน 30 g
เถาฟัก 20 g
ผิวส้มโอ 50 g
ทานตะวันทั้งต้นไม่เอาเมล็ด 100 g
ฝอยข้าวโพด 100 g
กระชายแดง 50 g
ขมิ้นอ้อย 50 g
ฟ้าทะลายโจร 20 g
หญ้าผมยุ่ง 80 g
กระเทียมโทน สกัดจาก alcohol 50%
(แช่ alcohol 50% นาน 1 เดือน)
ขมิ้น สกัด alcohol 50%
(แช่ alcohol 50% นาน 1 เดือน)
หญ้าหนวดแมว 40 g
วิธีใช้ : ใช้เสริม RJ ทุกเวลา
อื่นๆ
ดอกคำฝอย : เป็นยาเพิ่มภูมิต้านทาน
RJ : บำรุงสมอง ทานวันละ 1 ช้อนชา
กระชายดำ : บำรุงสมอง ทานกับน้ำผึ้งหรือเหล้า
วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
GNU/GPL License ฉบับแปลไทย
- เอกสารชิ้นนี้เป็นการแปลอย่างไม่เป็นทางการของ GNU General Public License เป็นภาษาไทย. โดยที่ไม่ได้เผยแพร่ออกมาจาก Free Software Foundation และไม่ได้เป็นการกำหนดข้อสัญญาตามกฎหมายในการเผยแพร่ซอฟต์แวร์ที่ใช้ GNU GPL ซึ่งมีเพียงต้นฉบับภาษาอังกฤษของ GNU GPL เท่านั้นที่ทำได้. อย่างไรก็ตาม เราหวังว่างานแปลชิ้นนี้จะช่วยให้คนไทยเข้าใจ GNU GPL ได้ดียิ่งขึ้น.
- This is an unofficial translation of the GNU General Public License into Thai. It was not published by the Free Software Foundation, and does not legally state the distribution terms for software that uses the GNU GPL--only the original English text of the GNU GPL does that. However, we hope that this translation will help Thai speakers understand the GNU GPL better.
-
สารบัญ
- GNU GENERAL PUBLIC LICENSE
- GNU GENERAL PUBLIC LICENSE GNU GENERAL PUBLIC LICENSE ฉบับภาษาไทย
- อารัมภบท
- ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการทำซ้ำ เผยแพร่ และดัดแปลง
- จะใช้ข้อสัญญานี้กับโปรแกรมใหม่ของคุณได้อย่างไร
-
อารัมภบท
สัญญาอนุญาตให้ใช้ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาเพื่อริดรอนเสรีภาพของคุณในการแบ่งปันและแก้ไขซอฟต์แวร์. ในทางกลับกัน GNU General Public License มีจุดมุ่งหมายเพื่อประกันเสรีภาพของคุณในการแบ่งปันและแก้ไขซอฟต์แวร์เสรี (free software) เพื่อทำให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์จะเป็นสิ่งที่เสรีสำหรับผู้ใช้ทุกคน. General Public License คือสัญญาอนุญาตให้สาธารณชนใช้สิทธิตามลิขสิทธิ์ที่ได้รับการนำมาใช้กับซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ของ Free Software Foundation และโปรแกรมใดก็ตามที่ผู้สร้างสรรค์ยึดมั่นต่อการใช้สัญญานี้. (มีซอฟต์แวร์บางชิ้นของ Free Software Foundation ที่ครอบคลุมโดย GNU Library General Public License แทน.) คุณเองก็สามารถใช้สัญญานี้กับโปรแกรมของคุณได้เช่นเดียวกัน.
เมื่อเรากล่าวถึง free software เราหมายถึงเสรีภาพ ไม่ใช่ราคา. General Public License ของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้แน่ใจว่า
๏ คุณจะมีเสรีภาพที่จะเผยแพร่สำเนาของซอฟต์แวร์เสรี (และคิดราคาสำหรับการจัดจำหน่ายในกรณีที่คุณต้องการ)
๏ คุณจะได้รับ source code หรือสามารถที่จะได้มาในกรณีที่คุณต้องการ
๏ คุณจะสามารถแก้ไขหรือใช้ส่วนประกอบของซอฟต์แวร์นั้นในซอฟต์แวร์เสรีโปรแกรมใหม่ และ
๏ คุณจะได้รับรู้ว่าคุณมีสิทธิที่จะทำทั้งหมดนี้ได้.เพื่อปกป้องสิทธิของคุณ เราจำเป็นต้องวางข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อห้ามมิให้ใครปฏิเสธสิทธิเหล่านี้ต่อคุณ หรือเรียกร้องให้คุณสละสิทธิดังกล่าว. ข้อจำกัดเหล่านี้นำไปสู่ภาระหน้าที่จำนวนหนึ่งของคุณ ในกรณีที่คุณเผยแพร่สำเนาของซอฟต์แวร์ หรือดัดแปลงซอฟต์แวร์นั้น.
ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่คุณเผยแพร่สำเนาของโปรแกรมลักษณะนี้ ไม่ว่าจะให้เปล่าหรือคิดราคา คุณจะต้องให้สิทธิทั้งหมดอย่างที่คุณมีแก่ผู้รับด้วย. คุณจะต้องจัดการให้บุคคลนั้นได้รับหรือสามารถที่จะได้มาซึ่ง source code นั้นเช่นเดียวกับคุณ. และคุณจะต้องแสดงข้อสัญญาเหล่านี้แก่บุคคลนั้น เพื่อที่บุคคลนั้นจะได้รับรู้ถึงสิทธิของตน.
เราใช้วิธีปกป้องสิทธิของคุณด้วยสองขั้นตอนคือ:
(1) สงวนลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์นั้น และ
(2) เสนอสัญญาอนุญาตให้คุณสามารถที่จะทำซ้ำ เผยแพร่ และ/หรือดัดแปลงซอฟต์แวร์นั้นได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย.นอกจากนั้น เพื่อเป็นการปกป้องผู้สร้างสรรค์แต่ละรายและตัวของเราเอง เราต้องแน่ใจว่าทุก ๆ คนจะได้รับการทำความเข้าใจว่าจะไม่มีการรับประกันใด ๆ ในซอฟต์แวร์เสรีชิ้นนี้. ในกรณีที่ซอฟต์แวร์ได้รับการดัดแปลงโดยบุคคลอื่นและแจกจ่ายส่งต่อกันไป เราต้องการให้ผู้รับได้ตระหนักว่าสิ่งที่ตนได้รับนั้นไม่ได้เป็นของดั้งเดิม เพื่อว่าปัญหาใด ๆ อันเกิดจากบุคคลอื่นจะได้ไม่พาดพิงไปถึงชื่อเสียงของผู้สร้างสรรค์ต้นฉบับ.
ท้ายที่สุด ซอฟต์แวร์เสรีมักจะถูกคุกคามโดยสิทธิบัตรซอฟต์แวร์อยู่เป็นนิจ. เราประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์เสรีโปรแกรม ใดโปรแกรมหนึ่งจะไปขอรับสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิตามสิทธิบัตรเอาไว้เอง อันจะเป็นผลทำให้ได้โปรแกรมนั้นเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ (proprietary). เพื่อป้องกันเรื่องนี้ เราได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าสิทธิบัตรใดก็ตามจะต้องอนุญาตเพื่อให้ทุกคนใช้ ได้อย่างเสรีหรือมิฉะนั้นก็จะอนุญาตไม่ได้เลย.
การทำซ้ำ เผยแพร่ และดัดแปลงมีข้อกำหนดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้.
ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการทำซ้ำ เผยแพร่ และดัดแปลง
0. สัญญานี้ใช้กับโปรแกรมหรืองานอื่นใดที่มีข้อความบอกกล่าวโดยเจ้าของลิขสิทธิ์ว่าสามารถนำไปเผยแพร่โดยอาศัยข้อความตาม General Public License. ถัดจากนี้ไปคำว่า "โปรแกรม" หมายถึงโปรแกรมหรืองานในลักษณะดังกล่าว และ "งานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม" หมายถึงโปรแกรมนั้นหรืองานดัดแปลงจากโปรแกรมนั้นตามกฎหมายลิขสิทธิ์: กล่าวคือ งานที่ประกอบด้วยโปรแกรมนั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ว่าจะคงเดิมหรือมีการดัดแปลงและ/หรือได้รับการแปลเป็นภาษาอื่น. (จากนี้เป็นต้นไป การแปลนับรวมอยู่ในความหมายของคำว่า "การดัดแปลง" โดยไม่มีขอบเขต.) คำว่า "คุณ" หมายถึงแต่ละบุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิตามสัญญา.
สัญญานี้ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงการกระทำอื่นใดนอกเหนือจากการทำซ้ำ เผยแพร่ และดัดแปลง การกระทำอื่นใดนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตของสัญญา. สัญญาไม่ได้ควบคุมการรันใช้งานโปรแกรม และสัญญาจะครอบคลุมถึงผลลัพธ์จากโปรแกรมก็ต่อเมื่อเนื้อหาของผลลัพธ์เป็นองค์ประกอบของงานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม (โดยไม่ขึ้นอยู่กับการที่ผลลัพท์นั้นได้ผ่านการทำขึ้นมาจากการรันโปรแกรม). ผลลัพธ์จากโปรแกรมจะถือเป็นงานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรมหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าโปรแกรมนั้นทำอะไร.
1. คุณสามารถทำซ้ำหรือเผยแพร่ในสื่อบันทึกใด ๆ ซึ่งสำเนาที่ปราศจากการแก้ไขของ source code ของโปรแกรมตามที่คุณได้รับมา โดยมีข้อแม้ว่า
- ๏ คุณจะต้องแสดงคำบอกกล่าวลิขสิทธิ์และคำปฏิเสธการรับประกันไว้อย่างเด่นชัดและเหมาะสมในแต่ละสำเนา
๏ รักษาคำบอกกล่าวทั้งหมดที่อ้างถึงสัญญานี้และความปราศจากการรับประกันให้คงอยู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์ และ
๏ มอบสำเนาของสัญญานี้ไปพร้อมกับโปรแกรม.
คุณสามารถคิดราคาสำหรับการกระทำในทางกายภาพเพื่อถ่ายทอดสำเนาชิ้นหนึ่ง ๆ ได้ และคุณสามารถที่จะเสนอขายการรับประกันได้ในกรณีที่คุณต้องการ.
2. คุณสามารถดัดแปลงสำเนาของโปรแกรมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน การกระทำเช่นนั้นคือการสร้างงานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม และคุณสามารถทำซ้ำและเผยแพร่การดัดแปลงหรืองานในลักษณะดังกล่าวโดยอาศัยข้อความตามข้อ 1 ข้างต้น โดยมีข้อแม้ว่าคุณจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเหล่านี้ทั้งหมด:
- a) ในไฟล์ที่คุณแก้ไข คุณจะต้องใส่คำบอกกล่าวที่เด่นชัดว่าคุณได้แก้ไขไฟล์นั้น รวมทั้งวันที่ในการแก้ไขแต่ละครั้ง.
- b) ในการเผยแพร่หรือโฆษณา (นำเสนอต่อสาธารณชน) งานใดก็ตามที่ทั้งหมดหรือบางส่วนของงานนั้นประกอบด้วยหรือดัดแปลงมาจากโปรแกรมหรือบางส่วนของโปรแกรม คุณจะต้องอนุญาตต่องานโดยรวมทั้งหมดแก่บุคคลทั้งหลายโดยไม่คิดมูลค่า โดยอาศัยข้อความตามสัญญานี้.
- c) ในกรณีที่โปรแกรมที่ดัดแปลงแล้วมีการทำงานตามปรกติด้วยการรับคำสั่งเชิงโต้ตอบในขณะที่รัน คุณต้องทำให้โปรแกรมนั้น เมื่อนำมาเริ่มต้นรันใช้งานในเชิงโต้ตอบดังกล่าวตามปรกติ แล้วโปรแกรมนั้นจะพิมพ์หรือแสดงให้เห็นประกาศอันประกอบด้วย ๏ คำบอกกล่าวลิขสิทธิ์อย่างเหมาะสมและ ๏ คำบอกกล่าวว่าไม่มีการรับประกัน (หรือมิฉะนั้นก็บอกว่าคุณเองเป็นผู้ให้การรับประกัน) และ ๏ บอกว่าผู้ใช้สามารถเผยแพร่โปรแกรมนั้นต่อไปภายใต้เงื่อนไขตามสัญญานี้ และ ๏ บอกวิธีที่ผู้ใช้จะสามารถอ่านสำเนาของสัญญานี้. (ข้อยกเว้น: ในกรณีที่แม้ตัวโปรแกรมเองจะทำงานในเชิงโต้ตอบ แต่ตามปรกติแล้วจะไม่มีการแสดงประกาศในลักษณะดังกล่าวอยู่ก่อนแล้ว เช่นนั้นงานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรมไม่จำเป็นต้องแสดงประกาศใด ๆ.)
เกณฑ์เหล่านี้ใช้บังคับต่องานดัดแปลงโดยรวมทั้งหมด. ในกรณีของส่วนที่จำแนกออกมาได้ส่วนใดอันมิได้ดัดแปลงมาจากโปรแกรม และสามารถถือได้ว่าเป็นงานอิสระต่างหากออกไปด้วยเหตุอันสมควร เช่นนั้นสัญญาและเงื่อนไขของสัญญานี้จะไม่มีผลบังคับใช้ต่อส่วนดังกล่าว เมื่อคุณเผยแพร่ส่วนนั้นเป็นงานต่างหากออกไป. แต่เมื่อคุณเผยแพร่ส่วนเดียวกันนั้นเป็นส่วนประกอบของงานรวมอันเป็นงานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม การเผยแพร่งานรวมดังกล่าวจะต้องกระทำโดยอาศัยข้อความตามสัญญานี้ โดยที่สิทธิสำหรับบุคคลทั้งหลายจะขยายขอบเขตครอบคลุมไปตลอดงานโดยรวมทั้งหมด ตลอดไปจนถึงแต่ละส่วนประกอบทุก ๆ ส่วนไม่ว่าใครจะเป็นผู้เขียนส่วนนั้น.
ด้วยเหตุข้างต้น ข้อนี้มิได้ประสงค์จะเรียกร้องหรือโต้แย้งสิทธิของคุณในงานที่คุณสร้างสรรค์ขึ้นมาเองทั้งหมด หากแต่ประสงค์ที่จะใช้ลิขสิทธิ์เพื่อควบคุมการเผยแพร่งานดัดแปลงหรืองานรวบรวมอันเป็นงานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม.
นอกจากนี้ การเพียงแต่นำงานอื่นที่ไม่ได้เป็นงานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรมมาอยู่รวมกับโปรแกรม (หรืองานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม) ในหน่วยความจำสำรองหรือสื่อบันทึกเพื่อการเผยแพร่เดียวกันมิได้เป็นเหตุให้งานดังกล่าวตกอยู่ภายใต้ขอบเขตของสัญญานี้.
3. คุณสามารถทำซ้ำและเผยแพร่โปรแกรม (หรืองานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรมตามข้อ 2) ในรูปแบบ object code หรือ executable โดยอาศัยข้อความตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้น โดยมีข้อแม้ว่าคุณจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้อีกด้วย:
a) มอบ source code อย่างครบถ้วนของโปรแกรมดังกล่าวในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์อ่านได้ไปพร้อมกับโปรแกรมนั้น โดยที่ source code ดังกล่าวจะต้องเผยแพร่โดยอาศัยข้อความตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้น ด้วยสื่อบันทึกที่ใช้กันเป็นกิจวัตรในการแลกเปลี่ยนซอฟต์แวร์ หรือ
b) แนบข้อเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรอันมีผลอย่างน้อยสามปีว่าจะมอบสำเนาอย่างครบถ้วนของ source code ของโปรแกรมดังกล่าวในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์อ่านได้แก่บุคคลทั้งหลาย โดยคิดราคาไม่มากไปกว่าต้นทุนในทางกายภาพของคุณในการดำเนินการเผยแพร่ source code โดยที่ source code ดังกล่าวจะต้องเผยแพร่โดยอาศัยข้อความตามข้อ 1 และ 2 ข้างต้น ด้วยสื่อบันทึกที่ใช้กันเป็นกิจวัตรในการแลกเปลี่ยนซอฟต์แวร์ หรือ
c) แนบข้อมูลที่คุณได้รับถึงข้อเสนอในการเผยแพร่ source code ของโปรแกรมดังกล่าว. (ทางเลือกนี้ใช้ได้เฉพาะกรณีการเผยแพร่ที่ไม่เป็นการค้า อีกทั้งคุณก็ได้รับโปรแกรมในรูปแบบ object code หรือ executable ด้วยข้อเสนอเช่นว่าอย่างถูกต้องตามข้อย่อย b ข้างต้น.)
คำว่า source code ของงานหนึ่งงานใดหมายถึงงานนั้นในรูปแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำการดัดแปลง. สำหรับงานในรูปแบบ executable คำว่า source code อย่างครบถ้วนหมายถึง source code ทั้งหมดของทุก module ในงานนั้น รวมถึง interface definition file ใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง script ที่ใช้ในการควบคุมการคอมไพล์และการติดตั้ง executable นั้น. อย่างไรก็ตาม ในฐานะข้อยกเว้นพิเศษ source code ที่เผยแพร่ไม่จำเป็นต้องรวมไปถึงสิ่งใดก็ตาม (ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบ source code หรือ binary) ที่ปรกติจะได้รับมาพร้อมกับส่วนประกอบหลัก (compiler, kernel และอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน) ของระบบปฏิบัติการที่ใช้รัน executable นั้น เว้นแต่ว่าส่วนประกอบนั้นจะประกอบไปเป็นส่วนหนึ่งใน executable ดังกล่าวเอง
ในกรณีที่การเผยแพร่ executable หรือ object code กระทำโดยการเสนอให้สามารถเข้าถึงสำเนาของโปรแกรมจากตำแหน่งที่ระบุ การเสนอที่เสมอภาคกันให้สามารถเข้าถึงสำเนาของ source code จากที่เดียวกันถือได้ว่าเป็นการเผยแพร่ source code แล้ว ถึงแม้ว่าบุคคลอื่นจะไม่มีเหตุจำเป็นอันใดที่จะต้องรับ source code ไปด้วยพร้อมกับ object code.
4. คุณไม่สามารถทำซ้ำ ดัดแปลง ให้ช่วงสัญญา หรือเผยแพร่โปรแกรม เว้นแต่จะปฏิบัติตามที่ได้กำหนดไว้โดยชัดแจ้งในสัญญานี้. ความพยายามอื่นใดที่จะทำซ้ำ ดัดแปลง ให้ช่วงสัญญา หรือเผยแพร่โปรแกรมถือเป็นโมฆะ และจะเป็นการยุติสิทธิของคุณตามสัญญานี้โดยอัตโนมัติ. อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ได้รับสำเนาหรือสิทธิจากคุณตามสัญญานี้ จะไม่ถูกยกเลิกสัญญาตราบใดที่บุคคลนั้นยังคงปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัด.
5. คุณไม่จำเป็นต้องยอมรับสัญญานี้ เนื่องจากคุณไม่ได้ลงนาม. แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรนอกจากนี้ที่อนุญาตให้คุณดัดแปลงหรือเผยแพร่โปรแกรมหรืองานดัดแปลงจากโปรแกรม. การกระทำดังกล่าวต้องห้ามตามกฎหมายถ้าหากคุณไม่ยอมรับสัญญานี้. ดังนั้น โดยการดัดแปลงหรือเผยแพร่โปรแกรม (หรืองานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม) คุณได้แสดงให้เห็นแล้วถึงการยอมรับสัญญานี้ รวมทั้งข้อกำหนดและเงื่อนไขทั้งหมดในการทำซ้ำ เผยแพร่ หรือดัดแปลงโปรแกรมหรืองานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม เพื่อที่จะกระทำเช่นนั้น.
6. ในแต่ละครั้งที่คุณเผยแพร่โปรแกรม (หรืองานที่มีพื้นฐานจากโปรแกรม) ต่อไป ผู้รับจะได้รับอนุญาตโดยอัตโนมัติจากเจ้าของสิทธิให้สามารถที่จะทำซ้ำ เผยแพร่ หรือดัดแปลงโปรแกรม ภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญานี้. คุณไม่สามารถวางข้อจำกัดเพิ่มเติมต่อการใช้สิทธิของผู้รับที่ได้มอบไปตามนี้. คุณไม่ต้องรับผิดชอบภาระในการบังคับการปฏิบัติตามสัญญาของบุคคลอื่น
7. ในกรณีที่มีเงื่อนไขอันเนื่องมาจากการพิพากษาของศาลหรือข้อกล่าวหาในการ ละเมิดสิทธิบัตรหรือจากเหตุผลอื่นใด (โดยไม่จำกัดเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับสิทธิบัตร) มาบังคับต่อคุณ (ไม่ว่าจะโดยคำสั่งของศาล ข้อตกลงหรือข้อตกลงในทางตรงกันข้าม) ในลักษณะที่ขัดต่อเงื่อนไขของสัญญานี้ เงื่อนไขเช่นนั้นไม่สามารถยกเว้นคุณออกจากเงื่อนไขของสัญญานี้. ถ้าหากคุณไม่สามารถดำเนินการเผยแพร่เพื่อที่จะปฏิบัติตามภาระของคุณในสัญญา นี้และภาระผูกพันที่เกี่ยวข้องอื่นใดพร้อมไปด้วยกัน ผลก็คือคุณจะเผยแพร่โปรแกรมไม่ได้โดยเด็ดขาด. ตัวอย่างเช่น หากมีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิตามสิทธิบัตรฉบับใดฉบับหนึ่งไม่เปิดโอกาสให้ บุคคลทั้งหมดที่ได้รับสำเนาของโปรแกรมจากคุณ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม แจกจ่ายโปรแกรมต่อไปได้โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม เช่นนั้นแล้วหนทางเดียวที่คุณจะปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นและสัญญานี้ไปได้ พร้อมกันคือคุณจะต้องงดเว้นจากการเผยแพร่โปรแกรมอย่างสิ้นเชิง.
หากมีส่วนใดของข้อนี้กลายเป็นโมฆะหรือไม่มีผลบังคับภายใต้พฤติการณ์เฉพาะกรณีใด สัญญาประสงค์ให้ใช้ส่วนที่เหลืออยู่ของข้อนี้บังคับในกรณีเช่นนั้น และให้ใช้ข้อนี้โดยรวมทั้งหมดบังคับในพฤติการณ์อื่น ๆ.
จุดประสงค์ของข้อนี้มิได้เป็นการชักชวนให้คุณละเมิดการอ้างสิทธิในสิทธิบัตรหรือทรัพยสิทธิใด ๆ หรือโต้แย้งความถูกต้องตามกฎหมายในการอ้างสิทธิเช่นนั้น จุดประสงค์เพียงประการเดียวของข้อนี้คือการปกป้องบูรณภาพของระบบเผยแพร่ซอฟต์แวร์เสรีซึ่งดำเนินโดยการปฏิบัติตาม public license. ผู้คนมากมายได้เอื้อเฟื้อผลงานสนับสนุนเข้าสู่สารพันของซอฟต์แวร์ที่เผยแพร่ผ่านระบบดังกล่าว โดยอาศัยความไว้วางใจว่าระบบจะทำงานอย่างเป็นธรรม ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผู้เขียน/ผู้สนับสนุนที่จะตัดสินใจว่าเขาหรือเธอสมัครใจจะเผยแพร่ซอฟต์แวร์ผ่านระบบอื่นมากกว่าหรือไม่ โดยที่ทางฝ่ายผู้รับไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถจำกัดการตัดสินใจนั้นได้เลย.
ข้อนี้มีเจตนาที่จะสร้างความกระจ่างแก่สิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นผลจากส่วนที่เหลือของสัญญา.
8. ในกรณีที่มีการควบคุมการเผยแพร่และ/หรือการใช้โปรแกรมในประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่ว่าจะโดยสิทธิบัตรหรือโดยลิขสิทธิ์ในการต่อประสานกับผู้ใช้ เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับซึ่งเป็นผู้ออกโปรแกรมภายใต้สัญญานี้สามารถเพิ่มข้อ จำกัดในการเผยแพร่ตามแต่พื้นที่ทางภูมิศาสตร์อย่างชัดแจ้งให้ขีดวงประเทศ เหล่านั้นออกไป เพื่อที่ว่าการเผยแพร่จะอนุญาตให้กระทำได้แต่เฉพาะภายในหรือระหว่างประเทศ ที่ไม่ได้ตัดออกด้วยเหตุดังกล่าว. ในกรณีเช่นนี้ สัญญานี้จะหมายรวมไปถึงข้อจำกัดดังกล่าวเสมือนกับว่าได้เขียนข้อจำกัดนั้น ไว้ในเนื้อหาของสัญญา.
9. Free Software Foundation สามารถออก General Public License เวอร์ชันปรับปรุงและ/หรือเวอร์ชันใหม่ได้เป็นครั้งคราว. สัญญาเวอร์ชันใหม่เช่นว่าจะยังคงสาระสำคัญในทำนองเดียวกันกับเวอร์ชันปัจจุบัน แต่อาจจะแตกต่างออกไปในรายละเอียดเพื่อจัดการกับปัญหาหรือภาระที่เกิดขึ้นใหม่.
สัญญาแต่ละเวอร์ชันจะมีเลขเวอร์ชันที่หมายให้แตกต่างกันออกไป. หากโปรแกรมระบุหมายเลขเวอร์ชันของสัญญาที่ใช้กับโปรแกรมพร้อมทั้ง "เวอร์ชันต่อ ๆ ไป" คุณจะมีทางเลือกที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาไม่ว่าเวอร์ชันนั้นหรือเวอร์ชันต่อ ๆ ไปที่ออกโดย Free Software Foundation. หากโปรแกรมมิได้ระบุหมายเลขเวอร์ชันของสัญญา คุณสามารถเลือกสัญญาเวอร์ชันไหนก็ได้ที่ออกโดย Free Software Foundation.
10. หากคุณประสงค์จะนำส่วนประกอบของโปรแกรมไปรวมอยู่ในซอฟต์แวร์เสรีโปรแกรมอื่นที่มีเงื่อนไขในการเผยแพร่ที่แตกต่างออกไป คุณจะต้องเขียนขออนุญาตจากผู้สร้างสรรค์เป็นลายลักษณ์อักษร. ในกรณีของซอฟต์แวร์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ Free Software Foundation ก็ให้คุณเขียนไปถึง Free Software Foundation เนื่องจากบางครั้งเราก็มีการผ่อนปรนบ้างสำหรับกรณีเช่นนี้. ทิศทางในการตัดสินใจของเราจะขึ้นอยู่กับเป้าหมายสองประการคือเพื่อดำรงรักษาความเสรีในงานทั้งหมดที่ดัดแปลงจากซอฟต์เวร์เสรีของเรา และในภาพกว้างคือเพื่อส่งเสริมการแบ่งปันและการนำกลับมาใช้ใหม่ของซอฟต์แวร์.
ไม่มีการรับประกัน
11. เนื่องจากโปรแกรมได้รับการอนุญาตให้ใช้ได้โดยไม่คิดมูลค่า เหตุนี้จึงไม่มีการรับประกันใด ๆ ต่อโปรแกรม ไปจนถึงขอบเขตเท่าที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องจะอำนวย. เจ้าของลิขสิทธิ์และ/หรือบุคคลอื่นส่งมอบโปรแกรม "ตามลักษณะปัจจุบัน" โดยปราศจากการรับประกันในลักษณะใด ๆ ไม่ว่าโดยแจ้งชัดหรือโดยปริยาย รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการรับประกันโดยปริยายถึงความเหมาะสมในการวางตลาด หรือความเหมาะสมในวัตถุประสงค์โดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้เว้นแต่จะได้ระบุเอาไว้เป็นอย่างอื่นเป็นลายลักษณ์อักษร. คุณเป็นผู้รับความเสี่ยงทั้งหมดในเรื่องคุณภาพหรือประสิทธิภาพของโปรแกรม. หากปรากฏความจริงว่าโปรแกรมชำรุดบกพร่อง คุณจะเป็นผู้รับภาระต้นทุนในการบำรุงรักษา ซ่อมแซม หรือแก้ไขเท่าที่จำเป็นทั้งหมด.
12. ไม่มีกรณีใด ๆ เว้นแต่ที่บังคับโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือที่ตกลงกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ที่เจ้าของลิขสิทธิ์หรือบุคคลอื่นใดผู้ซึ่งดัดแปลงและ/หรือเผยแพร่โปรแกรมต่อไปตามที่ได้อนุญาตไว้ข้างต้น จะต้องรับชดใช้ความเสียหายทั้งหลายต่อคุณ รวมถึงความเสียหายโดยทั่วไป โดยเฉพาะ โดยบังเอิญ หรือโดยเนื่องมาแต่เหตุ อันเป็นผลมาจากการใช้หรือความไม่สามารถในการใช้โปรแกรม (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการสูญเสียของข้อมูล หรือการที่ข้อมูลถูกทำให้ผิดพลาด หรือความเสียหายอันคุณหรือบุคคลอื่นได้รับ หรือความล้มเหลวของโปรแกรมในการทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่น) ถึงแม้ว่าเจ้าของลิขสิทธิ์หรือบุคคลอื่นดังกล่าวข้างต้นจะได้รับการแจ้งเตือนถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายเช่นว่าแล้วก็ตาม.
จบข้อกำหนดและเงื่อนไข
จะใช้ข้อสัญญานี้กับโปรแกรมใหม่ของคุณได้อย่างไร
หากคุณพัฒนาโปรแกรมใหม่ขึ้นมาโปรแกรมหนึ่ง และคุณต้องการให้โปรแกรมนั้นเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะบรรลุความต้องการนี้ได้คือทำให้โปรแกรมนั้นเป็นซอฟต์แวร์เสรีซึ่งทุก ๆ คนสามารถจำหน่ายจ่ายแจกและดัดแปลงแก้ไขได้ตามข้อกำหนดในสัญญานี้.
วิธีการคือติดคำบอกกล่าวข้างล่างนี้ไปกับโปรแกรมนั้น ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือใส่คำบอกกล่าวนี้ไว้ในตอนต้นของแต่ละ source file เพื่อเป็นการแสดงถึงความปราศจากการรับประกันอย่างได้ผลที่สุด และแต่ละไฟล์ควรจะมีข้อความ "copyright" อย่างน้อยหนึ่งบรรทัดพร้อมทั้งบ่งชี้ว่าจะหาคำบอกกล่าวลิขสิทธิ์อย่างเต็มรูปแบบได้ที่ไหน.
one line to give the program's name and an idea of what it does.
Copyright (C) 19yy name of authorThis program is free software; you can redistribute it and/or
modify it under the terms of the GNU General Public License
as published by the Free Software Foundation; either version 2
of the License, or (at your option) any later version.This program is distributed in the hope that it will be useful,
but WITHOUT ANY WARRANTY; without even the implied warranty of
MERCHANTABILITY or FITNESS FOR A PARTICULAR PURPOSE. See the
GNU General Public License for more details.You should have received a copy of the GNU General Public License
along with this program; if not, write to the Free Software
Foundation, Inc., 59 Temple Place - Suite 330, Boston, MA 02111-1307, USA.จากนั้นตามด้วยข้อมูลเพื่อการติดต่อถึงคุณทาง email และจดหมาย.
ในกรณีที่โปรแกรมทำงานเชิงโต้ตอบ ทำให้โปรแกรมแสดงคำบอกกล่าวแบบข้างนี้เมื่อเริ่มต้นทำงานในภาวะเชิงโต้ตอบ:
Gnomovision version 69, Copyright (C) 19yy name of author
Gnomovision comes with ABSOLUTELY NO WARRANTY; for details
type `show w'. This is free software, and you are welcome
to redistribute it under certain conditions; type `show c'
for details.คำสั่งสมมุติ `show w' และ `show c' ควรจะแสดงส่วนที่เกี่ยวข้องใน General Public License ตามความเหมาะสม. คำสั่งที่คุณใช้จริง ๆ อาจจะเป็นชื่ออื่นที่ไม่ใช่ `show w' และ `show c' หรือบางทีอาจจะเป็นการคลิกเมาส์หรือหัวข้อในเมนู ตามแต่ที่เหมาะสมกับโปรแกรมของคุณ.
นอกจากนี้ ถ้าเข้าข่ายและจำเป็น คุณควรจะให้นายจ้าง (ถ้าคุณทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์) หรือโรงเรียนของคุณลงนามใน "copyright disclaimer" สำหรับโปรแกรมคุณ. โดยอาจจะดูจากตัวอย่างข้างล่างนี้ และแก้ชื่อตามกรณีของคุณ:
Yoyodyne, Inc., hereby disclaims all copyright
interest in the program `Gnomovision'
(which makes passes at compilers) written
by James Hacker.signature of Ty Coon, 1 April 1989
Ty Coon, President of ViceGeneral Public License ไม่เปิดโอกาสให้นำโปรแกรมของคุณเข้าไปใช้ใน proprietary software. ในกรณีที่โปรแกรมของคุณเป็น subroutine library คุณอาจจะเห็นว่าการเปิดโอกาสให้ link โปรแกรมเช่นนั้นกับ library ของคุณน่าจะเกิดประโยชน์มากขึ้น. ถ้าหากคุณต้องการทำเช่นนั้นก็ให้ใช้ GNU Library General Public License แทนที่จะใช้สัญญานี้.
อ้างอิง http://opensource.thai.net , http://www.gnu.org
- ๏ คุณจะต้องแสดงคำบอกกล่าวลิขสิทธิ์และคำปฏิเสธการรับประกันไว้อย่างเด่นชัดและเหมาะสมในแต่ละสำเนา
GNU GENERAL PUBLIC LICENSE
http://www.gnu.org/licenses/gpl.html
Version 2, June 1991
Copyright (C) 1989, 1991 Free Software Foundation, Inc.
59 Temple Place - Suite 330, Boston, MA 02111-1307, USA
GNU GENERAL PUBLIC LICENSE ฉบับแปลไทย
Version 1, January 1999
วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ตีรัญจกร
ท่าบำบัดโรคไมเกรน จากเว็บไซต์ http://www.ayuyuen.com/treerunchakorn_migrane.html
| ท่าบำบัดโรคไมเกรน | ||||||||
|
The different mudras for different diseases
http://complete-education.blogspot.com/2008/12/diseases-that-can-be-cured-by-mudras.html
วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554
น.สบุญเหลือ วีรสตรีที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้จัก
ศึก ใหญ่ทุ่งสัมฤทธิ์
เย็นวันนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน พวกสาวๆ แต่งตัวสวยงามนำสำรับกับข้าว เหล้าสาโทและกับแกล้มไปยัง ที่พักของทหารลาวโดยรอบ ทหารลาวต่างก็ยินดีที่ได้รับการเลี้ยงดูพิเศษ มีสาวๆ มาปรนนิบัติพัดวี และร่วม รับประทานอาหารด้วยกันจนอิ่มหนำสำราญ ทั้งเย้าหยอก กอดจูบก็ได้ไม่ขัดข้อง ยินดีตามใจทุกประการ
ฝ่ายนางบุญเหลือแต่งตัวสวยงามให้เป็นที่ต้องตาชาย เข้าไปหาเพี้ยรามพิชัยถึงในที่พักตั้งแต่เย็น มีคนรับใช้ นำสำรับกับข้าวอันโอชะประณีตตามไปส่ง พร้อมด้วยสาโทกับแกล้มไปเลี้ยงดูปรนเปรอเพี้ยรามพิชัยด้วยมายา หญิงทุกกระบวน และอ้อนวอนว่าขออย่าทอดทิ้งเสียกลางทางเลย ขอให้นำไปเลี้ยดูเป็นศรีภริยาในเวียงจันทน์ ด้วยเถิด จนเพี้ยรามพิชัยลุ่มหลง ถึงค่ำคืนแม้นางจะชอกช้ำระกำใจ เสียดายตัวเพียงใดก็สู้ทน นางได้หมายตา ดาบของเพี้ยรามพิชัยซึ่งวางไว้ข้างที่นอนจะต้องใช้เป็นดาบสังหารให้ได้ รอแต่โอกาส
ตกดึกก็เริ่มแผน ๒ เวลา ๗ ทุ่ม พระณรงค์สงครามกับทหารมีฝีมือจำนวนหนึ่งก็ลอบออกจากกองเกวียน ลอบฆ่าทหารยามของลาวที่อยู่โดยรอบตายหมดสิ้น ริบเอาปืนไฟมาได้หลายกระบอก แล้วแจกจ่ายปืนไฟไปยัง ทหารไทยจุดต่างๆ ให้กระจายออกไป แล้วทั้งทหารและครอบครัวซึ่งแต่งกายตะเบงมานเหมือนกัน ก็คืบคลาน เข้าไปรอใกล้กองเกวียนของทหารลาวโดยรอบ รอสัญญาณ
เวลา ๘ ทุ่ม (เวลา ๐๒.๐๐ น. ของวันที่ ๗ มีนาคม) ดวงจันทร์ลับลงทิวไม้ ความมืดสลัวปกคลุมทั่วไป ก็เริ่ม แผน ๓ พระณรงค์สงครามก็ให้ยิงปืนทุกกระบอก หลายทิศทาง ทุกคนก็โห่ร้องว่า "ทหารกรุงเทพฯมาแล้ว" ดังลั่นติดต่อกันไป ทุกคนก็ช่วยกันสังหารทหารลาวด้วยอาวุธที่มีจอบเสียม มีดพร้า แหลนหลาว ตามแต่จะหาได้ ด้วยความเคียดแค้น ทหารลาวเมื่อตอนหัวค่ำมีความสุขร่าเริงจากการเลี้ยงดู ร้องรำทำเพลงสนุกสนาน บัดนี้ ถูกฆ่ามากมาย กลายเป็นสมรภูมิเลือด ที่ยังมิทันถูกฆ่าพอได้ยินเสียงโห่ร้องว่า "ทหารกรุงเทพฯมาแล้ว" ก็ขวัญหายไม่เป็นอันสู้รบ หนีไปได้บ้าง ที่ถูกฆ่าตายมากกว่าพันคน
ส่วนเพี้ยรามพิชัยนายกองทหารลาว นางสาวบุญเหลือหมายตาจะใช้ดาบที่วางไว้ข้างที่นอน แต่ไม่มีโอกาส พอดี เสียงปืนและเสียงโห่ร้องของฝ่ายไทยทำให้เพี้ยรามพิชัยไหวตัวทันคว้าดาบจาก มือนางสาวบุญเหลือไว้ได้ นางสาวบุญเหลือไม่มีทางสู้จึงวิ่งหนี ผ่านกองไฟจึงจับดุ้นฟืนกวัดแกว่งป้องกันตัว พลางถอยเข้าไปใกล้เกวียน ดินระเบิด เพี้ยรามพิชัยเห็นนางจะเกิดอันตราย จึงตัดสินใจโดดคว้าเอวของนางจะดึงกลับออกมา ทันใดนั้น นางก็พุ่งดุ้นฟืนเข้าไปในเกวียน ดินปืนไวไฟก็ระเบิดขึ้นทันที
เพี้ย รามพิชัยก็ถูกระเบิดตายพร้อมกับนางสาวบุญเหลือตรงนั้นเอง
แสงไฟจากดิจระเบิดทำให้สนามรบสว่างขึ้น ครอบครัวไทยมีความแค้นล้นหัวใจทุกคน แค้นที่ต้องเสียบ้าน เสียเมือง บ้านแตกสาแหรกขาด เสียทรัพย์สินเงินทอง และบางคนยังต้องมาเสียตัวในคราวนี้ ทุกคนจึงไม่ เสียดายชีวิตอีกแล้ว เข้าห้ำหั่นทหารลาวตายเกลื่อน หนีรอดไปได้บ้าง
รุ่งขึ้น วันพุธ ที่ ๗ มีนาคม พอสว่าง คุณหญิงโมก็ไปกอดศพหลานสาวบุญเหลือร่ำไห้ เสียดายจิตใจอันกล้าหาญ เสียสละ มานะอดทน ด้วยความรักความผูกพันที่มีต่อกันมานานเสมือนลูกหลานในอก คุณหญิงโมกอดศพหลาน สาวบุญเหลือไว้แนบอก ร่ำไห้เป็นเวลานานจึงตัดสินใจยกย่องในความเสียสละของนาง ทำให้งานกู้อิสรภาพ ครั้งนี้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ แล้วคุณหญิงโมสั่งให้ช่วยกันเก็บศพนางสาวบุญเหลือ และคนไทยอื่นๆ ฝั่ง ทำเครื่องหมายไว้ เพื่อจะเก็บไปบำเพ็ญกุศลภายหลัง ส่วนศพทหารลาวเก็บไปทิ้งลงในหนองน้ำที่อยู่ใกล้ๆ (ได้ชื่อว่า "หนองหัวลาว" จนทุกวันนี้)
คู่หมั้นนางสาวบุญเหลือ
เมื่อจัดการบ้านเมืองพออยู่ได้แล้ว พระยาปลัดทองคำพระยาพรหม ยกกระบัตร พระณรงค์สงคราม และจางวางส่วยทองคำ จึงเข้าชื่อกันทำใบบอก เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่เมืองนครราชสีมา มอบให้หลวงบุรินทร์ และขุนชนะไพรี เป็นนายกองม้า นำกำลังทหารม้า 30 ถือใบบอกไปวางยัง ศาลาเวรมหาดไทย เพื่อนำขึ้นกราบบังคมทูล ร.3 ให้ทรงทราบ ผู้นำชาวเมืองนครราชสีมา ปรึกษากัน เห็นว่ากองทัพเจ้าอนุวงศ์ล่าถอยไปแล้วนั้น จะไปที่ใดเราควรคิดติดตาม ได้โอกาสก็โจมตีเอาบ้าง อย่างน้อยก็เป็นการเกาะข้าศึก เพื่อคอยกองทัพจากกรุงเทพฯ ปรึกษาตกลงแล้ว จึงมอบให้ พระณรงค์สงคราม กับ หลวงพลอาสา นายด่านนครจันทึก นำกำลังทหาร 500 คน ยกไปพักแรม อยู่ที่ตำบลลำพี้ ใกล้หนองบัวลำพู คอยติดตาม ข่าวศึก (ทหารเหล่านี้เรียกจากนครจันทึก นางรอง บ้านตะคุ ด่านเกวียน ด่านกระโทก ด่านสะแกราช) กองทัพกรุงเทพฯ ออกศึก
กองทัพหลวงของไทยเคลื่อนกำลัง ไปอีก 250 เส้น ตีค่ายรักษาต้นทางที่บ้านนาด่านแตกก็ติดตามเข้าไปพบค่ายช่องเขาสาร ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่คับขัน ตรวจดูแล้วเป็นทางแคบไม่สามารถจะยกกำลังจำนวนมากเข้าไปได้ กำลังน้อยก็ไม่สามารถ เข้าตีได้จำเป็นจะต้องใช้วิธีเผา โดยจัดหน่วยกล้าตายเข้าบุกกลางคืน ขณะนั้น นายนรินทร์ภักดี ซึ่งเป็นคู่หมั้นของนางสาว บุญเหลือ และไปอยู่กรุงเทพฯ ได้เป็นนายกองเดินเท้า อาสามาใน กองทัพหลวงด้วยความเป็นห่วง เมื่อถึงนครราชสีมา แล้วก็ตื้นตันใจยิ่งนักสัญญาใจว่าจะต่อสู้ศัตรู โดยเต็มกำลังและแก้แค้นให้สุดที่รักจนได้ จึงได้ออกต่อสู้ในสนามรบทุกแห่ง เรื่อยมา บัดนี้ทราบ แผนการว่าจะต้องจู่โจมเข้าค่ายข้าศึกในเวลากลางคืน จึงขันอาสาทำงานนี้ตั้งใจว่าจะแก้แค้น ให้สำเร็จจนได้ (ตรงนี้ตามหนังสือ "ท้าวสุรนารี" ของพันตรีหลวงศรีโยธาและคณะ เขียนเล่าไว้) เมื่อแผนการเป็นที่ จึงให้ทหารบุกป่าปีนขึ้นไปทั้งสองฟากค่ายช่องเขาสาร แอบซุ่มอยู่จำนวนมาก เวลากลางคืนตกดึกก็ใช้ธนูไฟยิงเข้าไป ในค่ายลาว ทหารลาวอลหม่านดับไฟหลายแห่ง นายนรินทร์ ภักดี ได้โอกาสก็นำหน่วยกล้าตายปีนค่าย เข้าเปิดประตูค่าย ได้สำเร็จ กองทัพไทยก็เข้าตีในค่าย ทหารลาวตายมาก ที่ยอมจำนนก็มีที่หนีไปก็มี การแก้แค้นสำเร็จลงเมื่อ18 พฤษภาคม 2370 แต่นายนรินทร์ภักดีก็ต้องพลีชีวิตเพื่อชาติในที่รบนั้น
ตั้ง อยู่ในบริเวณโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ต.โคกสูง อ.เมือง
ห่างจากตัว เมือง 12.5 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายนครราชสีมา-ชัยภูมิ
ชาวนครราชสีมาได้ ร่วมสร้างขึ้น และทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2529 เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนางสาวบุญเหลือ และเหล่าบรรพบุรุษของชาวนครราชสีมา ที่ได้พลีชีพเพื่อปกป้องชาติเมื่อครั้งวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ในปี พ.ศ2369นับเป็นอนุสรณ์สถานอีกแห่งหนึ่งที่ชาวนครราชสีมาให้ความเคารพสักการะ เป็นอย่างสูง
มือก็ไกว ดาบก็แกว่ง ... ดวงวิญญาณย่าบุญเหลือยังคงอยู่คู่กับย่าโม เพื่อคอยปกป้องแผ่นดินสยาม ...
ขอทุกดวงวิญญาณโปรดน้อมรับกุศลที่ลูกหลาน ได้สวดบท มหาจักรพรรดิ์ และปรับภพภูมิให้สูงขึ้น รวมถึงดวงวิญญาณทหารลาวที่ถูกบังคับ และถูกเกณฑ์มาในครั้งกระนั้นด้วย ... สาธุ สาธุ สาธุ
วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554
นม - มัจจุราชเงียบ
ใครๆ ก็แนะนำให้ดื่มนม นมมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นความจริงที่สำหรับคนเราในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะตอนนั้นข้าวของทุกอย่างแพงหมด เพราะขาดแคลน คนที่มีเงินเท่านั้นจึงจะได้กินดีอยู่ดี ได้รับโปรตีนมากกว่า ทำให้มีสุขภาพดีกว่าคนที่ขาดอาหาร ขาดโปรตีน
แต่ในสมัยนี้มันเปลียนไปแล้ว เพราะคนส่วนมากจะเกิดภาวะการบริโภคเกินซะมากกว่า และที่สำคัญโปรตีนที่คนส่วนใหญ่ได้มา ส่วนหนึ่งก็มาจากการดื่มนมนั่นเอง ในนมมีอะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้งที่ในนม มีไขมัน โปรตีน และแคลเซียม ไขมันในนมเป็นไขมันจากสัตว์ ซึ่งอุดมไปด้วยโคเลสเตอรอล เป็นไขมันอิ่มตัว เราอุตส่าห์หนีน้ำมันหมู แล้วยังมากินนมเอาโคเลสเตอรอลเข้าไปอีกหรือ คนที่วิจัยเรื่องนี้ ก็คือ The Milk Industry Foundation บอกว่า คนกินนมแล้วเสี่ยงต่อโรคอ้วน บริษัทนมจึงแก้ปัญหาด้วยการทำนมพร่องไขมัน ซึ่งก็ยังมีไขมันเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง
จากข้อสังเกตที่ว่า คนอเมริกันกินนมเยอะที่สุด และมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินพ่วงตามมาด้วย ผู้ชายอ้วน 27% ผู้หญิง 46% ในขณะที่สถิติเรื่องอ้วนในคนไทยมีแค่ประมาณ 20% ทั้งหญิงและชาย
เรื่องเบาหวานในคนอเมริกันก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ขอกระซิบเบาๆ ว่า คนอเมริกันเป็นเบาหวานมากกว่าคนไทย 3 เท่าเชียวนะ สถิติโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ในคนอเมริกันล้วนแล้วแต่สูงกว่าคนไทยทั้งสิ้น น่าแปลกที่ฝรั่งที่มาสอนให้เราดื่มนมป้องกันกระดูกพรุน กลับมีอัตราเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนมากกว่าเราเกือบ 9 เท่า !
จึงมีคนเอะใจว่า การกินอาหารแบบอเมริกันน่าจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราเจ็บป่วยเสียแล้ว และเรื่องนมวัวก็ไม่หลุดรอดจากการตรวจสอบไปได้ ผลจากการตรวจสอบเราพบว่าปัญหาจากนมวัวเกิดเพราะสถานการณ์ต่างๆ ในโลกได้เปลี่ยนไป
สุขภาพคนไทยเปลี่ยนจากทุโภชนาการเป็นโภชนาการล้นเกิน
สถานการณ์แรกที่ต้องคิดถึงก็คือ การรณรงค์ให้ดื่มนมวัวเริ่มสมัยหลังสงครามโลกใหม่ๆ สมัยนั้นเป็นสมัยที่คนไทยยังขาดอาหารอยู่ มีภาวะทุโภชนาการอยู่ทั่วไป แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม คนไทยมีอาหารการกินอย่างเหลือเฟือ จนโรคอ้วนถามหากันเป็นทิวแถว การมาส่งเสริมให้ดื่มนมกลับเป็นการซ้ำเติมโรคอ้วนให้แย่ลงไปอีก
มีวิจัยว่า นมวัวเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจหลอดเลือด แม้ว่าคุณจะดื่มนมพร่องไขมันแล้วก็ตาม แต่คำว่าพร่องไขมันในที่นี้ เป็นการเล่นคำ เพราะพร่องไขมันก็คือยังมีไขมันอยู่ แต่น้อยกว่าปกติเท่านั้นเอง
มีการนำเอาเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติในจังหวัดเชียงใหม่มาตรวจหาระดับไขมันในเลือดดู พบว่าเด็กเหล่านี้ที่ถูกเลี้ยงดูให้กินนมต่างน้ำ มีไขมันสูง ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีสูงถึง 25% อายุ 6-15 ปีมีถึง 70% และระดับไขมันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ นั่นหมายความว่าเด็กเหล่านี้เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มสาว เขาก็มีปัญหาไขมันอุดตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นมวัวเพิ่มความเสี่ยงต่อภูมิแพ้ - ไซนัสอักเสบ - หอบหืด
นมวัวเพิ่มความเสี่ยงต่อภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ และหอบหืดในคนไทยด้วย เพราะว่าพันธุกรรมของคนไทยนั้นมักจะแพ้ต่อนมวัว เคยมีการวิจัยในอาสาสมัครคนไทยที่ให้ดื่มนมวัวแล้วนำมาส่องดูเยื่อบุโพรงจมูกและเยื่อบุลำไส้ พบว่าคนเหล่านี้มีอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกและลำไส้ถึง 100%
ดื่มนมเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
เนื่องจากนมเป็นสาเหตุที่สำคัญของไขมันในเลือดสูง ดังนั้นนมจึงมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย ทั้งนี้นิ่วในถุงน้ำดีบางส่วนเกิดจากการที่มีสมดุลของน้ำดีและไขมันผิดปกติ ทำให้น้ำดีตกตะกอนเป็นนิ่วได้
ดื่มนม...มะเร็งอาจถามหา
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1950-1975 หลังญี่ปุ่นแพ้สงคราม นักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่าคนญี่ปุ่นดื่มนมเพิ่มขึ้น 15 เท่า กินเนื้อสัตว์เพิ่ม 7.5 เท่า ผลก็คือในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้หญิงญี่ปุ่นป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้มากกว่าเดิม 300% ซึ่งตรงกับงานวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติอเมริกาที่ว่า อาหารไขมันอิ่มตัวสูงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านม
การประชุมกองทุนวิจัยมะเร็งโลก (WCRF) และสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ (AICR) ก็มีงานวิจัยการสรุปออกมาเหมือนกันว่านมเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งของมะเร็ง แต่ด้วยความเกรงใจบริษัทที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ ก็เลยมีการแก้ไขถ้อยคำให้รุนแรงน้อยลงหน่อยว่า นมอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง
นมไม่ใช่แหล่งอาหารที่ดีที่สุด
การวิจัยว่าการที่ชาวตะวันตกเกิดโรคมากมายมีผลมาจากการดื่มนม 150 ลิตร/ปี หรือเฉลี่ยคือการดื่มนมมากเกิน 1.6 แก้ว/วัน แต่อย่าลืมนะว่าฝรั่งน่ะตัวใหญ่กว่าเรานะ ดังนั้นการออกมารณรงค์ให้คนไทยที่ดื่มนมวันละ 1 แก้วก็นับว่ามากจนเกินไป
จะกินดื่มอะไร ถ้าไม่ให้ดื่มนม(วัว)
มีคนถามว่า ถ้าการดื่มนมวัวน่าจะเกิดโทษมากกว่าเกิดประโยชน์ ถ้าเช่นนั้นเราจะกินดื่มอะไรกันดี
เด็ก นมแม่มีประโยชน์ที่สุด การเข้ามาของผลิตภัณฑ์นม ทำให้แม่ลดการให้นมลูกเองเหลือเพียง 4 % กรณีที่แม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แม่สามารถกลับมาป้อนนมได้ในตอนเย็นและค่ำ หลังจากนั้นปั๊มน้ำนมเก็บใส่ตู้เย็นไว้ เพื่อให้คนที่บ้านป้อนเด็กในตอนกลางวัน
การให้นมแม่ประหยัดเงินได้มาก ลูกมีภูมิต้านทานดี ไม่เจ็บป่วยง่าย เด็กที่เติบโตด้วยนมแม่จะอารมณ์ดี
นมวัวมีกรณีให้เลือกสถานเดียว คือกรณีที่แม่ไม่มีน้ำนมพอให้ลูก ก็อาจพิจารณาให้นมวัวที่ปรับสภาพให้ใกล้เคียงนมแม่ ให้ดื่มจนครบ 1 ขวบแล้วให้เลิกเสีย โดยให้กินอาหารอย่างอื่นแทน อีกทางหนึ่งคือ ให้เลี้ยงลูกด้วยนมถั่วเหลือง โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีประวัติเป็นภูมิแพ้ ลูกจะมีโอกาสเกิดภูมิแพ้มากขึ้นถ้าให้ดื่มนมวัว
ส่วนเด็กเล็กและเด็กโตกินอาหารธรรมชาติ โดยไม่ต้องดื่มนม แต่ถ้ายังไม่สบายใจ พ่อแม่ก็อาจจะให้ลูกดื่มนมถั่วเหลือง ซึ่งก็มีโปรตีนใกล้เคียงกับนมวัว ถ้าจะเปรียบเทียบแหล่งโปรตีนแล้ว กินหมูกินไก่ก็ได้โปรตีนทั้งคุณภาพและปริมาณ
- นมวัว 1 แก้ว ให้โปรตีน 8.5 กรัม
- นมถั่วเหลือง 1 แก้ว ให้โปรตีน 7 กรัม
- น่องไก่ 1 ชิ้น ให้โปรตีน 18.8 กรัม
หญิงมีครรภ์ หญิงมีครรภ์ต้องการแคลอรี โปรตีน กรดไขมันจำเป็น แคลเซียม ธาตุเหล็ก กรดโฟลิก วิตามินต่างๆ แต่คุณแม่ต้องรู้ว่าไม่ต้องการสารเหล่านี้เป็น 2 เท่า เพราะเด็กในครรภ์ตัวเล็กกว่าแม่ 15 เท่า ถ้าขืนกินเข้าไปแบบยัดทะนาน ก็รังแต่จะไปพอกพูนที่ตัวแม่ การดื่มนมอย่างมากมายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่อ้วนหลังคลอด
แคลอรีที่ดีต้องเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้องซึ่งจะใช้เป็นเรี่ยวแรงได้อย่างหมดจด
โปรตีน ถ้ากินไก่ ไข่ หมู กุ้ง ปลา ก็ได้โปรตีนเพียงพอ สามารถดื่มนมถั่วเหลือง และข้าวกล้องก็ให้โปรตีนด้วย
- เนื้อไก่ส่วนอก 1 ชิ้น (100 กรัม) ให้โปรตีน 11 กรัม
- ไข่ไก่ 1 ฟอง ให้โปรตีน 10 กรัม
- ปลา 1 ชิ้น (100 กรัม) ให้โปรตีน 21 กรัม
- หมูเนื้อแดง 1 ขีด ให้โปรตีน 14 กรัม
- เต้าหู้ 100 กรัม ให้โปรตีน 13.3 กรัม
- นมถั่วเหลือง 1 แก้ว ให้โปรตีน 7 กรัม
- ข้าวกล้อง 2 ทัพพี ให้โปรตีน 15.6 กรัม
แคลเซียม อาหารไทยมีแคลเซียมมากมายไม่ต้องพึ่งนมวัว เช่น กุ้งแห้ง กุ้งฝอย ปลากรอบ มีปริมาณแคลเซียมสูงกว่านม 13-23 เท่า ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์กินเต้าหู้วันละ 1 แผ่น กับกุ้งชุบแป้งทอดวันละ 1 ชิ้น เท่ากับได้ดื่มนมวันละ 2 แก้ว
ธาตุเหล็ก ใช้สร้างเม็ดเลือดแดง เราได้รับจากเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง ถั่วงอก ผักบุ้ง ผักใบเขียว
กรดโฟลิก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และสำคัญในการพัฒนาระบบประสาท มีมากในผักใบเขียว แคนตาลูป แครอท ตับ ไข่แดง ฟักทอง ถั่วต่างๆ
วิตามิน เกลือแร่ และสารผัก ช่วยจรรโลงขบวนการเคมีทั้งในแม่และทารก ช่วยเสริมภูมิต้านทาน เป็นฮอร์โมนเสริมสำหรับบำรุงครรภ์ มีในผักสด ผลไม้ต่างๆ ต้องรู้จักกินผักให้หลากหลาย ผักพื้นบ้าน เครื่องแกง เครื่องสมุนไพรต่างๆ
กรดไขมันจำเป็น ช่วยเสริมระบบฮอร์โมน ระบบสืบพันธุ์ให้ทำงานดี ทำให้ผิวพรรณผ่องใส มีอยู่ในน้ำมันปลา น้ำมันดอกพริมโรส น้ำมันเมล็ดฝ้าย
ถ้าคุณแม่ต้องการดื่มนม ให้ดื่มนมถั่วเหลือง พร้อมโรยงาดำคั่ว วันละ 1-2 แก้ว ก็จะได้ทั้งโปรตีนและแคลเซียมเพียบพร้อม
สำหรับสตรีวัยทอง และผู้สูงอายุ ที่เสี่ยงต่อโรคกระดูกผุ เป็นจุดขายของผลิตภัณฑ์นมแคลเซียมสูง สำหรับอาหารไทยเรา มีแคลเซียมอยู่มากมายดังเช่น ปลาร้าผง กุ้งแห้งตัวเล็ก กะปิเคย งาดำคั่ว กุ้งฝอยน้ำจืด ถั่วแดงหลวง ใบชะพลู มะขามฝักสด แคยอดอ่อน ผักกระเฉด สะเดายอดอ่อน เม็ดบัวดิบ ถั่วเน่าแห้ง เต้าหู้ขาวอ่อน ผักคะน้า ถั่วเหลือง ปลาไส้ตัน จะเห็นได้ว่าถ้าขยันกินอาหารไทยๆ จะไม่ขาดแคลเซียมทั้งคนทั่วไป และผู้สูงอายุเลิกดื่มนม(วัว)เสียแต่วันนี้ ร่างกายแข็งแรง ไร้โรคภัยแน่นอน
จุดอ่อนของคนไทยที่เพื่อนร่วมงานคนต่างชาติเห็น
หลังจากที่ผมได้มีโอกาสเขียนคอลัมน์ชื่อ Bridging the Gap ในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ในส่วนของ Business Section ซึ่งตีพิมพ์ทุกวันศุกร์มาตั้งแต่ปลายปี 2543 ซึ่งคอลัมน์มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเป็นไทยที่มีผลกระทบในการ ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นที่จะช่วยให้ความรู้กับชาวต่างชาติ เพื่อให้เขาทำงานร่วมกันกับชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายว่าจะช่วยลดความเครียดของชาวไทยที่ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติ เหล่านั้น เมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ผมได้ออกแบบสอบถามไปยังผู้อ่านคอลัมน์ Bridging the Gap ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทางอีเลคทรอนิคเมล์ (Email) โดยส่งออกไปประมาณสามสิบท่านแยกเป็นชาวไทยและต่างชาติจำนวนเท่าๆกัน มีผู้ตอบรับเป็นชาวไทยห้าท่านและชาวต่างชาติเจ็ดท่าน จำนวนของผู้ตอบแบบสอบถามแม้ว่าจะมีไม่มากนักซึ่งไม่ถือว่ามีนัยสำคัญทาง สถิติ แต่ก็ได้ภาพสะท้อนมุมมองในเชิงคุณภาพ ซึ่งผมเห็นว่าสอดคล้องกับสิ่งที่เคยได้รับฟังมาจากชาวต่างชาติทั่วๆไป
บทความต่อไปนี้คือบางส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับชาวไทย โดยเป็นผลคำตอบจากคำถามที่ถามว่า “ในฐานะที่ท่านเป็นชาวต่างชาติ ท่านคิดว่าพฤติกรรมหรือบุคลิกเรื่องใดบ้างที่เป็นจุดอ่อนของเพื่อนร่วมงาน ชาวไทยในที่ทำงาน ซึ่งท่านคิดว่าอยากให้เขาเลิกพฤติกรรมหรือเปลี่ยนบุคลิกเหล่านั้นเสีย” สิ่งที่ชาวต่างชาติคิดว่าเป็นจุดอ่อนของชาวไทยในที่ทำงานมีดังต่อไปนี้
ทัศนคติที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง
- ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ชาวไทยชอบที่จะยึดติดกับวิธีการทำงานรูปแบบเดิมๆ การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานใหม่ๆมักจะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญใจและ รบกวนพวกเขาเสมอ
กล้าพูด / กล้าแสดงออก / กล้าแสดงความคิดเห็น / กล้าถาม Assertiveness / Initiative
- ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูดเมื่อเวลาทำการเจรจาต่อรอง (น่าจะหมายความว่าเกรงใจไม่กล้าเจรจาต่อรอง โดยยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้เปรียบเมื่อเจรจาต่อรองทั้งๆที่ทราบ แต่ไม่กล้าจะพูดออกมา)
ไม่สามารถจะพูดสิ่งที่ควรพูดออกมาในช่วงเวลาที่ควรพูด
- ไม่กล้าที่จะเสนอแนะความเห็นเพื่อให้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
- อยากให้ชาวไทยกล้าที่จะถามมากว่านี้ ถามหากสงสัย ถามหากไม่แน่ใจ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเป้าหมายของงาน
Accountability / Commitment / Ownership
- ความผูกพันรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ค่อยยอมตั้งเป้าหมายในขณะที่งานบางอย่างนั้นจะต้องทำให้ลุล่วงภายในกำหนดเวลา
- ไม่ยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร
- รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้ แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด (ต้องให้มีการสั่งเสมอ)
คอยบอกแต่ข่าวดี
- ไม่บอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหาขึ้น จนกระทั่งปัญหาบานปลายไปเกินแก้ไขได้ เช่นบางครั้งเรื่องเล็กน้อยไม่แจ้งให้ผู้บริหารทราบจนถึงขั้นพนักงานเกือบจะ สไตร์คไปแล้ว
- บอกในสิ่งที่คิดว่าผู้บังคับบัญชาต้องการฟัง มีแต่เรื่องดีๆ แทนที่จะบอกเล่าไปตามความเป็นจริง เช่นบอกว่า “งานนี้ผมทำเสร็จแน่นอนครับอาทิตย์หน้า” แต่พอถึงเวลาจริงๆกลับไม่เสร็จ และในความเป็นจริงไม่เคยเสร็จตามวันเวลาที่รับปากไว้เลย
- ไม่กล้าที่จะบอกว่า “มีปัญหาเกิดขึ้น”
ไม่เป็นไร Pro-active / Mai pen rai / Wait and see
- รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้ แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด (ต้องให้มีการสั่งเสมอ)
- ทักษะในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- ไม่สุขุมรอบคอบและไม่มองการณ์ไกล
การบริหารเวลา
- คนไทยมีจุดอ่อนในเรื่องการตรงต่อเวลา และการบริหารเวลา
ทักษะในการทำงาน
- ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้
- เรียนรู้และฝึกฝนทักษะในการทำงานเพียงเพื่อให้พอทำงานได้เท่านั้น แม้ว่าอาจจะมีรายละเอียดของสิ่งที่จะต้องเรียนรู้มากก็ตาม จะไม่ค่อยพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพสูง และไม่ค่อยมุ่งมั่นและภาคภูมิใจสู่ความเป็นเลิศเท่าใดนัก
- “พนักงานชาวไทยเท่าที่ผมรู้จัก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของ โลกเท่าใดนัก แม้กระทั่งเรื่องราวและความเคลื่อนไหวของประเทศไทยก็ตาม
ผมเพิ่งมาทำงานในประเทศไทยเพียงปีเดียวแต่ผมได้เห็นและสัมผัสเกี่ยวกับ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ดีงามของเมืองไทยมากกว่าพนักงานชาวไทยหลายๆคนใน บริษัทของผมเสียอีก ผมคิดว่าหากคนไทยได้สัมผัสกับประเทศของตัวเองมากเพียงพอ มันจะช่วยให้เขาแต่ละคนเข้าใจโครงสร้างและภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ ดียิ่งขึ้น มิฉะนั้นแล้วแต่ละคนก็อาจจะมีโลกทัศน์เพียงแค่ในตำบลที่ตัวเองอาศัยอยู่เท่า นั้น (ผมต้องขอโทษหากผมพูดตรงหรือแรงไปบ้าง แต่ผมพูดจากประสบการณ์และมุมมองของนักธุรกิจที่ทำงานระหว่างประเทศมามาก)”
ความซื่อสัตย์
- “ชาวไทยควรจะมีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่านี้ เช่นเวลากรอกใบสมัครงานส่วนใหญ่มักจะกรอกว่ามีทักษะการพูดภาษาอังกฤษดี แต่ว่าพอถึงเวลาสัมภาษณ์จริงกับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว พนักงานชาวไทยบอกกับผมว่าใครๆเขาก็ปฏิบัติกันอย่างนั้นเพราะส่วนใหญ่ถือว่า ทักษะในข้อนี้มักจะไม่ได้มีการทดสอบกันแต่อย่างใด คำตอบที่ว่านี้ผมไม่สามารถจะรับได้จริงๆ”
ระบบพวกพ้องและอาวุโสนิยม
- “ชาวไทยมักจะชักนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสมอ ผมไม่เคยชอบวิธีการดังกล่าวเลย ตัวอย่างเช่นการจัดซื้อสิ่งต่างๆภายในสำนักงาน พวกเขามักจะแนะนำเพื่อนๆมาก่อนโดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทที่ควร จะได้รับเลย นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ผมประสบมา การให้ความช่วยเหลือกับเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเลยเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเป็นอย่าง มาก”
- ปกป้องและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเมื่อเพื่อนพนักงานด้วยกันทุจริต
ยึดติดกับระบบอาวุโสนิยม
- เปลี่ยนทัศนคติจาก “บอกฉันมาว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร แล้วฉันจะลงมือทำตามที่บอก” มาเป็น “ผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้ฉันทำคืออะไร และฉันมีทรัพยากรอะไรบ้างเพื่อช่วยให้ฉันทำงานนั้นลุล่วงได้ตามที่เราจะตกลง กัน”
- อย่าหลับหูหลับตาทำตามที่หัวหน้าบอกทุกๆเรื่องโดยไม่ยอมใช้ความคิดของตนเอง
- อย่าหวังพึ่ง “พี่ชาย” ให้คอยบอกให้ทำทุกๆอย่าง
แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
- ไม่แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน
- สอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะในเรื่องส่วนตัว
- การพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานมากเกินไป บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือและการติฉินนินทากันภายในสำนักงาน
จุดอ่อนอื่นๆ
- ลาออกจากบริษัทโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แต่คาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที่
- ไม่ยอมรับภารกิจและความรับผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ
- ต้องการมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย
- องค์กรควรจะมุ่งเน้นการจัดหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติตรงกับงาน แทนที่จะสรรหาคนที่มีคุณสมบัติสูงล้นเกินลักษณะของงานที่รับผิดชอบ
คุณเกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย
ที่ปรึกษา The Coach
ทำไมเวลาตากฝน แล้วถึงเป็นหวัด
เคยสงสัยไหมครับว่า เวลาตากฝน โดยเฉพาะเวลาศีรษะเปียกฝน แล้ววันต่อมา เร่ิมมีอาการของหวัด เช่น มีอาการจาม คัดจมูก หรือมีน้ำมูก วันนี้ ผมมีคำอธิบาย และมีคำแนะนำเวลาตากฝน
โรคหวัด ก็คือโพรงจมูกอักเสบจากการติดเชื้อ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากไวรัส มี ไวรัสเป็นร้อยชนิด ที่ทำให้เกิดไข้หวัดได้ ไวรัสเหล่านี้ กระจายฟุ้งอยู่ในอากาศ แล้วก็ตกลงอยู่ทีพื้น หรือเกาะอยู่ตามฝุ่น ไวรัสเหล่านี้ สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน ในช่วงปกติ เราก็จะสัมผัสกัับไวรัสเหล่านี้อยู่บ้าง แต่เนื่องจากปริมาณมีไม่สูง รวมทั้งภูมิต้านทานของร่างกาย และสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เราจึงไม่เป็นโรคหวัด
ก่อนฝนตก มักจะมีกระแสลมที่แรง ลมเหล่านี้ จะพัดให้ไวรัสให้ฟุ้งกระจายปริมาณมาก หาก เราอยู่ในบริเวณนั้น ก่อนฝนตก โอกาส ที่จะสัมผัสไวรัสในปริมาณมากก็มีมากขึ้น ดังนั้น พยายามอย่าอยู่ในที่โล่งแจ้้งโดยเฉพาะเวลาก่อนฝนตกนะครับ หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูก ในช่วงเวลานั้นก็ได้ครับ
หากเราตากฝน ศีรษะของเราก็จะเปียกฝน เชื้อโรคไม่ได้เข้าทางศีรษะนะครับ แต่การที่ศีรษะเปียกฝน จะมีผลทำให้อุณภูมิที่พื้นผิวของเยื่อบุจมูกลดต่ำลงประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส ซึ่ง อุณหภูมิระดับนี้ เหมาะสมสำหรับการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสที่ตกค้างอยู่ในช่องจมูก ประกอบกับการสัมผัสเชื้อไวรัสปริมาณมากช่วงก่อนฝนตก ก็เลยทำให้มีไวรัสจำนวนมากบริเวณเยื่อบุจมูก ภูมิต้านทานของร่างกาย จึงไม่อาจต้านทานเชื้อเหล่านี้ได้อีกต่อไป ก็เลยเกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูก เกิดอาการบวมของเยื่อบุจมูก ทำให้คัดจมูก รวมทั้งเกิดการสร้างสารคัดหลั่งมากขึ้น ซึ่งก็คือน้ำมูก นั่นเอง หากเชื้อไวรัสลุกลามไปที่ลำคอ ก็จะทำให้เกิดคออักเสบตามมาได้
นอกจากศีรษะที่เปียกฝน ที่มีผลต่ออุณหภูมิในจมูกแล้ว อุณหภูมิบริเวณมือและเท้า ก็มีผลด้วยเช่นเดียวกัน การที่รองเท้าเราเปียกน้ำ และต้องแช่อยู่ในนั้นนานๆ ก็มีผลทำให้อุณภูมิในจมูกลดลง นำไปสู่อาการเป็นหวัดได้
วิธีการป้องกัน ไม่ให้เกิดหวัดเวลาศีรษะเปียกฝนก็คือ
วิธีการง่ายๆ เหล่านี้ ก็ทำให้คุณไม่เป็นหวัดง่ายๆ ในหน้าฝนนี้ครับ
โดย นพ.สมศักดิ์ หวานกิจเจริญ